ข้อมูลวิชาการ
ดุอาอฺประจำวันที่ 23 รอมฎอน พร้อมคำอธิบาย

อรรถาธิบายดุอาประจำวันที่ 23 ของเดือนรอมฎอนอันจำเริญ

โอยอายาตุลลอฮ มุจตะฮีดีย์

แปลและเรียบเรียงโดย ศิษย์เก่าดารุซซะฮ์รอ (อ.) (มาเรียม  สาอิ)

 

اللَّهُمَّ اغْسِلْنِی فِیهِ مِنَ الذُّنُوبِ وَ طَهِّرْنِی فِیهِ مِنَ الْعُیُوبِ

وَ امْتَحِنْ قَلْبِی فِیهِ بِتَقْوَی الْقُلُوبِ یَا مُقِیلَ عَثَرَاتِ الْمُذْنِبِین

โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงชำระล้างข้าฯจากความผิดบาปทั้งหลาย

โปรดชำระล้างจิตใจของข้าฯจากมลทินทั้งหลายด้วยเถิด

และโปรดทดสอบหัวใจของข้าฯด้วยกับความยำเกรงของหัวใจโอ้ผู้ทีทรงอภัยในความผิดบาปทั้งหลาย

คำอรรถาธิบายส่วนที่1

اللَّهُمَّ اغْسِلْنِی فِیهِ مِنَ الذُّنُوبِ

โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงชำระล้างข้าฯจากความผิดบาปทั้งหลาย

 

ทุกครั้งเมื่อท่านได้ถูกรับเชิญเป็นแขกที่ใดที่หนึ่งแล้ว แน่นอนสิ่งแรกที่ท่านจะทำคือ การดูแลตนเองให้ดูดี

ดูสะอาดสะอ้าน อาบนํ้า แต่งตัว ท่านจงรู้ไว้เถิดว่า เดือนรอมฎอนนั้นเป็นเดือนของพระผู้เป็นเจ้า

และท่านนั้นก็เป็นแขกพิเศษของพระองค์

ท่านได้ดูแลตนเอง ชำระล้างจิตใจของตนเองแล้วหรือยังเพื่อพร้อมที่จะเป็นแขกของพระองค์?

ท่านได้ชำระล้างบาปต่างๆที่เคยทำมาแล้วหรือยัง?

« شَهْرٌ دُعِیتُمْ فِیهِ إِلَی ضِیَافَةِ اللَّهِ »

เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่ท่านถูกเชิญให้เป็นแขกของพระองค์

เมื่อเราเป็นแขกของพระองค์เราจำเป็นจงต้องเตรียมพร้อมสำหรับการถูกเชิญครั้งนี้เพื่อที่จะได้เป็นแขกของ

พระองค์ด้วยกับหัวใจที่สะอาดบริสุทธิ์

ฉะนั้นจงขอดุอาต่อพระองค์ให้พระองค์ทรงชำระล้างจิตใจของเราให้ปราศจากมลทินทั้งปวง และขอให้เรานั้น

มีความสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากการเป็นแขกของพระองค์ได้อย่างเต็มที่ (ทำการงานอิบาดัตเพื่อความใกล้ชิด

ไปยังพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ ) )

ถ้าหากว่าเราได้ลองขอต่อพระองค์เพียงสักครั้งด้วยกับหัวใจที่บริสุทธิ์ ขอให้พระองค์นั้นทรงชำระล้างมลทิน

ทั้งหลายของเรา เชื่อเถิดว่าพระองค์ทรงตอบรับอย่างแน่นอน จงวิงวอนขอประหนึ่งเด็กเล็กที่ร้องไห้ร้องขอจาก

ผู้เป็นพ่อ เพื่อหวังการอภัยโทษในความผิดบาป

คำอรรถาธิบายส่วนที่ 2

وَ طَهِّرْنِی فِیهِ مِنَ الْعُیُوبِ

โปรดชำระล้างจิตใจของข้าพระองค์จากมลทินทั้งหลายด้วยเถิด

 

การว่าร้ายนินทา การโอ้อวด หยิ่งสโย ทะนงตน อิจฉาริษยา ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือคุณลักษณะที่ไม่ดี

ข้อบกพร่องเหล่านี้ย่อมไม่เป็นที่ตอบรับ และพึงพอใจ ณ อัลลอฮฺ (ซ.บ) อย่างแน่นอน

อะมัลต่างๆของเราจะเดินทางผ่านฟากฟ้า 7 ชั้นด้วยกัน ในแต่ละชั้นฟ้านั้น ก็จะมีเสียงกล่าวกับความผิดบาป

ว่า« قف » แปลว่า "จงหยุด" และฑูตสวรรค์ของพระองค์ในชั้นฟ้าชั้นแรกก็จะมองดูบันทึกอามัล ( บันทึกความ

ดี - ความชั่ว )ของเรา และถ้าหากได้เห็นในบันทึกว่า วันนี้ฉันได้นินทาว่าร้าย ก็จะพูดว่า " จงไป!! จงประทับตรา

อามัลนี้บนใบหน้าของเจ้าของของมัน !! " และอามัลนี้ก็จะถูกหยุดไว้ที่ชั้นฟ้าชั้นนี้ แต่บางอามัลนั้น สามารถผ่าน

ฟ้าชั้นแรกไปอย่างง่ายดาย เพราะเจ้าของของมันไม่ใช่ผู้ที่ชอบว่าร้ายนินทาบุคคลอื่น

เมื่อถึงฟ้าชั้นที่สอง ฑูตสวรรค์ก็จะกล่าวอีกว่า จงหยุด และก็จะตรวจสอบบันทึกอามัลอีกครั้ง ถ้าหากพบว่า

อามัลของผู้ใด "มีความทะนงตน" อามัลนั้นก็จะต้องหยุดที่สถานีนี้ ส่วนอามัลอื่นๆที่ไม่มีคุณลักษณะนี้บันทึกอยู่

ในมันนั้นก็สามารถผ่านชั้นฟ้านี้ไปสู่ชั้นที่สาม

เมื่ออามัลเหล่านั้นถึงฟ้าชั้นสาม ก็จะถูกสั่งให้หยุดอีกครั้ง และเหล่าบันทึกที่มี "ความอิจฉาริษยา" อยู่ในมัน

ก็จะอยู่ถูกหยุด ส่วนอามัลอื่นก็ได้รับอนุญาตไปสู่ชั้นฟ้าชั้นต่อไป

เมื่ออามัลมาถึงฟ้าชั้นที่สี่ "ความหยิ่งผยอง" ก็จะถูกสั่งให้หยุดอีก ความหยิ่งผยอง ณ ที่นี้ รวมไปถึงการ

โอ้อวด ไม่ว่าจะเป็นด้านเงินทองทรัพย์สิน หรือความรู้

      ในรีวายัต ได้ถูกกล่าวไว้ว่า

เมื่อครั้นที่อิมามริฏอ (อลัยฮิสลาม) ต้องการจะทานอาหาร ท่านก็จะเชื้อเชิญบ่าวทั้งหลายของท่าน ให้มาทาน

อาหารด้วยกัน บุคคลหนึ่งก็ได้ท้วงติงกับท่านว่า : ยาอาลี ยิบนี มูซัรรีฎอ (อ) นี่เป็นคำสั่งที่ไม่ดีเอาเสียเลย

ทำไมท่านถึงจะทานอาหารกับบรรดาผู้ยากจนเหล่านี้?

ท่านอิมามก็ได้ตอบกลับว่า : เราทั้งหมดก็เป็นลูกหลานของท่านนบีอาดัมด้วยกันทั้งนั้น เราเป็นคนเหมือนๆ

กัน ความต่างของระดับความเป็นคนมันอยู่ที่ความยำเกรงต่างหาก

และชั้นฟ้าชั้นต่อๆไปก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

และหนึ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายนั้นก็จะเป็นสถานีที่คอยตรวจสอบอามัลความดีต่างๆของเรา ว่าเป็นในรูปแบบไหน

ทำความดีเพราะความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์จริงๆหรือทำความดีเพียงแค่ต้องการโอ้อวดเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

สรุปได้ว่า ในแต่ละชั้นฟ้านั้นก็จะคอยตรวจสอบบันทึกอามัลของเราในแต่ละด้านที่ต่างกัน

บ่าวของพระองค์มีด้วยกัน 3 ประเภท

1 บ่าวที่ภักดีต่อพระองค์เพราะมีความกลัวต่อไฟนรก

2 บ่าวที่ภักดีต่อพระองค์เพราะมีความโลภต่อผลตอบแทนบนสรวงสวรรค์

บ่าวที่ภักดีต่อพระองค์ เพราะพระองค์คือผู้ที่ดีที่สุดที่ ควรค่าแก่การเคารพภักดี

คำอรรถาธิบายส่วนที่ 3

وَ امْتَحِنْ قَلْبِی فِیهِ بِتَقْوَی الْقُلُوبِ

โอ้พระผู้อภิบาลโปรดทดสอบหัวใจของข้าฯด้วยกับความยำเกรงของหัวใจ

 

อาจเป็นไปได้ว่า ตักวา( ความยำเกรง ) ของเรานั้นมาจากวาจาคำพูด โดยมิได้มาจากหัวใจ ซึ่งมันจะไม่มี

ประโยชน์อันใดเลย แค่เพียงบุคคลนึงเจอเงินล้านระหว่างทางเดิน และได้คืนให้กับเจ้าของของมัน สิ่งนี้ก็มาจาก

ผลของการมีตักวา การมีความตักวาพิสูจน์ด้วยวาจาคำพูดไม่ได้ เพราะมันต้องออกมาจากหัวใจและแสดง

ออกมาด้วยการกระทำ

ตักวาคืออะไร?

ศาสนานั้นมีไฟสองดวงคือ สีแดงและสีเขียว

ไฟแดง คือเขตแดนที่ต้องห้าม(ฮะราม)

ส่วนไฟเขียวนั้น คือเขตแดนที่อนุญาติ

    ความหมายของ تقوی ( ตักวา ความยำเกรง ) นั้นก็คือ การที่เราไม่ฝ่าไฟแดง

 

 

การไม่ฝ่าไฟแดงนั้นมีด้วยกัน2เหตุผล

อย่างแรกคือ เพราะคนขับกลัวที่จะต้องจ่ายค่าปรับ

เหตุผลที่สอง คือ เพราะการให้เกียรติและเคารพต่อกฎหมายของประเทศชาติ

เป็นที่ชัดเจนว่า เหตุผลที่สองนั้นย่อมประเสริฐกว่าเหตุผลแรก

สรุปได้ว่า

ตักวา คือ การหลีกเลี่ยงและออกห่างจากสิ่งที่ต้องห้ามทั้งหลาย ซึ่งดีและประเสริฐที่สุดนั้นคือการออกห่าง

เพราะให้เกียรติและเคารพต่อกฏเกณฑ์ของพระองค์ หมายความว่าการเป็นบ่าวที่ดีและเคารพสิทธิ์ต่อพระองค์

เพียงผู้เดียว

คำอรรถาธิบายส่วนที่ 4

یَا مُقِیلَ عَثَرَاتِ الْمُذْنِبِین

โอ้ผู้ทีทรงอภัยในความผิดบาปทั้งหลาย

ความหมายของ اقاله

เมื่อใดก็ตามที่เราซื้อสินค้าหนึ่งมาแล้วต้องการที่จะคืนสินค้าแก่เจ้าของนั้น เป็นการดีที่ที่ผู้ขายนั้นรับสินค้า

คืน การกระทำนี้เรียกว่า อิกอละ

อิกอละ ของพระองค์นั้น คือการอภัยโทษความผิดบาปต่างๆของเราโดยไม่คิดบัญชีใดๆเลย

 

โพสเมื่อ : 16 พ.ค. 2562,00:00   อ่าน 848 ครั้ง