ประสูติของท่านอิมาม
อิมามฮาซัน อัล อัสกะรีย์
เปรียบเสมือนดาวดวงที่สิบเอ็ดในท้องนภาแห่งตำแหน่งอิมามอันสูงสุด ท่านได้ประสูติ
ที่เมืองมะดีนะฮ์ อัล มุเนาวะเราะฮ์ เมื่อวันที่ 8 เดือนรอบิอุซซานี ในปีฮ.ศ.
ที่232 และพลีชีพเป็นชะฮีดที่เมืองสะมัรรอฮ์ เมื่อวันที่ 8 เดือนรอบิอุลเอาวัล
ฮ.ศ. 260
บิดาของท่านคือ อิมาม อะลี อัล
ฮาดีย์ (อ.) มารดาคือ “ซูซัน” ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นอิมามในขณะที่อายุได้ 22 ปี
การดำเนินชีวิตของท่านเต็มไปด้วยอุปสรรคนานับประการ อันเกิดมาจากแผนการร้ายต่างๆ
ของบรรดาผู้ปกครอง
ท่านมีโอกาสใช้ชีวิตภายหลังจากสูญเสียบิดาไปแล้วเพียงหกปี เท่านั้น
ซึ่งนั่นคือระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งอิมามของท่านนั่นเอง ในสมัยของท่านคอลีฟะฮ์อัล
มุตัซ ได้ถูกลอบสังหาร โดยน้ำมือของบรรดาเหล่าทหาร แล้วก็ได้เชิญให้อัล มุฮ์ตะดีย์
ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน แต่อัล มุฮ์ตะดีย์ ก็ถูกลอบสังหารไปอีกคนหนึ่ง หลังจาก นั้นอัล
มุตะมัด จึงได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นคอลีฟะฮ์สืบแทน
สมญานามของอิมาม ฮาซัน อัล
อัสกะรีย์ คือ อบู มุฮัมมัด ประชาชนทั้งหลายได้ให้ฉายานามแก่ท่านไว้มากมาย เช่น
อัล ฮาดีย์, อัซ ซะกีย์, อัล นะกีย์และอัล คอลิศ
แต่ฉายานามอันเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายที่สุดนั้นได้แก่อัล อัสการีย์
ทั้งนี้ก็เพราะเหตุว่า ท่านอาศัยอยู่ในตำบลที่มีชื่อเรียกว่าอัล อัสกัร
ขณะเดียวกันท่านยังเป็นที่รู้จักกันในฉายานามว่า บุตรของริฎอ อีกด้วยเช่นกัน
ความรู้ของอิมาม ฮาซัน อัลอัสกะรีย์
(อ.)
แนวทางแห่งหลักคำสอนของสายอะห์ลุลบัยต์
เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
และขบวนการเผยแพร่วิชาการได้รับความนิยมยกย่องที่สุดในสมัยของท่านอิมาม ฮาซัน
อัสการีย์ กล่าวคือ ได้มีศูนย์เผยแพร่วิชาการทางศาสนาทั้งในนครกูฟะฮ์
แบกแดดและฮิญาซ ขณะเดียวกันยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเมืองกุม
อันเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งทางด้านวิชาการและทางศาสนา
อิมาม ฮาซัน อัสการีย์ เป็นเสมือนมหาสมุทรอันล้ำลึกแห่งวิชาความรู้ นักเรียน
นักศึกษา ที่สนใจใฝ่หาวิชาความรู้จากท่านมีจำนวนมากถึง 18,000 คน
“มุฮัมมัด บิน มัสอูด อัช
ชีรอซีย์” ผู้เป็นนักปราชญ์ของคอลีฟะฮ์ อัล มุตัซ เขียนบันทึกไว้ว่า ท่านอิมาม
ฮาซัน อัสการีย์มีความรู้สูงมาก จนกระทั่งทำให้ท่านกินนะดีย์ ผู้เป็นบรมครูของท่าน
“อัล ฆอรอบีย์” ถึงกับต้องเผาตำราของตนทิ้ง
หลังจากที่เขาได้นำไปตรวจสอบกับของท่านอิมาม
เนื่องจากว่าตำราของเขาเป็นตำราที่ไม่เคยสอดคล้องกับหลักการอิสลาม วิธีการสอนของอิมาม ฮาซัน อัสกะรีย์
ลูกหลานคนหนึ่งของอิมาม ญะอ์ฟัร
ซอดิก (อ.) ชื่อ “ฮูเซน” พำนักอยู่ ณ เมืองกุม เป็นคนชอบดื่มสุรา
วันหนึ่งเขาได้เดินทางไปหา “อะห์มัดบิน อิสหาก อัล อัซอะรีย์”
ซึ่งเป็นตัวแทนคนหนึ่งของอิมามฮาซัน (อ.)
แต่อะห์มัดไม่ยินยอมให้เข้าพบและไม่ยินดีต้อนรับ
เพราะอะห์มัดรู้ถึงนิสัยและความประพฤติของฮูเซนคนนี้ดี “ฮูเซน”
จงเดินทางกลับบ้านของตนด้วยความรู้สึกเสียใจที่ถูกลบหลู่ดูหมิ่นถึงเพียงนี้
บังเอิญในเวลาต่อมา อะห์มัด บิน
อิสหาก ได้เดินทางไปทำพิธีฮัจญ์ เมื่อผ่านไปถึงเมืองมะดีนะฮ์
เขาต้องการที่จะได้มีโอกาสเข้าพบท่านอิมาม ฮาซัน อัสกะรีย์ (อ.)
จึงขออนุญาตเพื่อเข้าไปพบ แต่ท่านอิมามกลับไม่ยินยอมให้เขาเข้าเยี่ยมคำนับ
อะห์มัดรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด
เขายืนเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านของอิมามโดยไม่ยอมไปไหน จนกระทั่งในที่สุดอิมามฮาซัน
(อ.) จึงอนุญาตให้เขาเข้าพบ
อะห์มัด บิน อิสหาก
ได้ถามท่านอิมาม ฮาซันว่า เป็นเพราะเหตุใดที่ไม่อนุญาตให้เขาเข้ามาพบ ท่านอิมาม
ฮาซัน ได้ตอบเขาว่า
“ก็เพราะฉันต้องการจะปฏิบัติต่อท่าน
ให้เหมือนกับที่ท่านได้ปฏิบัติต่อบุตรของลุงของฉัน
และฉันหลบหน้าท่านเหมือนกับที่ท่านหลบหน้าเขา”
อะห์มัด บินอิสหาก จึงกล่าวว่า
“โอ้ นายของข้าพเจ้า แท้จริงที่ฉันกระทำเช่นนั้น ก็เพราะเขาเป็นคนดื่มสุรา
และที่ฉันทำเป็นหลบหน้าเขาในเรื่องนั้น ก็เพราะว่าฉันต้องการจะเตือนสติเขา
และให้เขากลับตัวเสีย”
อิมาม ฮาซัน อัลอัสกะรีย์
กล่าวแย้งว่า “ถึงแม้ท่านต้องการชี้นำ สั่งสอนเขา แต่ท่านก็กระทำผิดวิธีการ”
เมื่ออะห์มัดเดินทางกลับไปถึงเมืองกุม ได้มีประชาชนมาแสดงความยินดี
และรับพรจากเขา ในฐานะที่เดินทางกลับจากบำเพ็ญฮัจญ์ ณ บัยตุลลอฮ์ ขณะนั้นอบูฮาซัน
(ฮูเซน คนเดิม) ก็เข้ามาแสดงความยินดีกับเขาด้วย
อะห์มัดจึงให้การต้อนรับและกอดเขาไว้อีก ทั้งยังได้เชิญเขาให้นั่งพูดคุยกันอีกด้วย
อบูฮาซันรู้สึกแปลกใจมากที่เห็นกิริยาท่าทางของอะห์มัดเปลี่ยนไปเช่นนี้
เขาจึงถามถึงเหตุผล ว่าทำไมเมื่อวันก่อนจึงแสดงท่าทีต่อต้านเขา
มาวันนี้กลับให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
อะห์มัดจึงนำเรื่องราวของตนที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ต้องการจะเข้าเยี่ยมท่านอิมาม
ฮาซัน อัสกะรีย์ มาเล่าให้อบูฮาซันฟัง
อบูฮะซันก้มหน้าครุ่นคิดรำพึง
เขาจึงตั้งปณิธานว่าจะกลับเนื้อกลับตัว และกล่าวอำลาอะห์มัดกลับไปยังบ้านเรือนของตน
เมื่อถึงบ้านอบูฮาซัน ได้ทุบภาชนะเก็บสุราจนแหลกละเอียด
ตั้งแต่นั้นมาเขาจะอยู่ประจำแต่ที่มัสยิดไม่ยอมห่างเหินไปไหนอีกเลย สาส์นจากอิมาม อัสการีย์ ถึงสหาย
อิมามฮาซัน อัสกะรีย์
ได้เขียนจดหมายหลายฉบับ ส่งไปยังบรรดามิตรสหายของท่าน ส่วนหนึ่งคือสาส์นฉบับหนึ่ง
ที่ส่งไปยัง “อะลี บิน ฮูเซน บิน บาบุวัย แห่งเมืองกุม” ความว่า
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮ์
พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก รางวัลตอบแทนย่อมมีสำหรับบรรดาผู้สำรวมตน
สวนสวรรคย่อมได้แก่บรรดาผู้ยึดมั่นในพระเจ้าองค์เดียว
และไฟนรกย่อมได้แก่บรรดาผู้ปฏิเสธในพระเจ้า จะไม่มีศัตรูนอกจากบรรดาผู้อธรรม
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงสร้างที่ดีเลิศ
ขอความจำเริญพึงมีแด่ศาสดามุฮัมมัด มนุษย์ที่ดีที่สุดของพระเจ้า
และเชื้อสายของท่านผู้สะอาดบริสุทธิ์
ท่านจะต้องอดทน
และต้องเตรียมรับมือกับการปลดปล่อย เพราะท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้กล่าวไว้ว่า
“การทำงานที่ดีเลิศ สำหรับประชาชาติของฉันคือ เตรียมรับมือกับการปลดปล่อย” พรรคพวก
(ชีอะฮ์) ของเราจะไม่หมดสิ้นจากความเศร้าโศก จนกว่าบุตรชายของฉันจะมาปรากฏ
เขาคือบุคคลที่ท่านศาสดาเคยแจ้งข่าวไว้ให้ทราบว่า
“เขาจะเป็นผู้กระทำให้แผ่นดินเต็มไปด้วยความยุติธรรม ดังเช่นมันเคยดาษดื่นไปด้วยความอยุติธรรมที่เคยมีอยู่แต่ก่อน”
โอ้ ท่านผู้อาวุโสของฉัน โอ้ อบูฮาซัน ท่านจงอดทน
เพราะว่าแผ่นดินของอัลลอฮ์นั้นจะมีบ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์มารับมรดกการปกครองและรางวัลในขั้นสุดท้าย
ย่อมเป็นของบรรดาผู้สำรวมตน และขอให้ความสันติสุข ความเมตตาของอัลลอฮ์และความจำเริญของพระองค์พึงมีแด่ท่าน
และแด่บรรดาพรรคพวก (ชีอะฮ์) ของเราทั้งมวลและขอความจำเริญพึงประสพแด่มุฮัมมัด
และวงศ์วานของท่าน (อ.) ด้วยเถิด”
การพลีชีพของ อิมาม ฮาซัน
อัลอัสกะรีย์
เมื่อตอนที่อิมามฮาซัน
อัลอัสกะรีย์ (อ.) มีอายุได้ 4 ปี เป็นช่วงเวลาที่อิมาม อัล ฮาดีย์ (อ.)
ผู้เป็นบิดา ถูกเชิญตัวให้เดินทางไปยังเมืองสะมัรรอฮ์
ท่านต้องเผชิญกับการถูกติดตามตัวอย่างแข็งขันจากฝ่ายปกครองในสมัยนั้น
กล่าวคือท่านต้องได้รับการบีบคั้นอย่างมากมายจากคอลีฟะฮ์และยังถูกนำตัวไปกักขังอยู่ในที่จองจำหลายครั้ง
จนกระทั่งพลีชีพไปเพราะถูกลอบวางยาพิษ เมื่อเดือนรอบีอุลเอาวัล ฮ.ศ. 260
ศพของท่านถูกนำไปฝังไว้ใกล้ๆ
กับสุสานของผู้เป็นบิดา ซึ่งปรากฏอยู่เป็นสถานที่สำคัญ ตราบจนถึงทุกวันนี้ ณ
เมืองสะมัรรอฮ์
สาเหตุที่ท่านต้องถูกประกบตัวอย่างเข้มงวดกวดขันจากฝ่ายปกครอง
ก็เพราะว่ามีการรายงานบอกเล่าเรื่องราวที่มาจากท่านศาสดา (ศ็อลฯ)
หลายกระแสด้วยกันโดยยืนยันว่าอัล มะฮ์ดีย์
ซึ่งเป็นอิมามท่านที่สิบสองคือบุตรชายของอิมาม ฮาซัน อัสการีย์
ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้ปกครองต่างหวาดหวั่นการมาปรากฏของอิมามอัล มะฮ์ดีย์
ซึ่งจะมาสถาปนาความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมขึ้นบนแผ่นดิน แต่อิมาม ฮาซัน
อัสการีย์ (อ.) สามารถซ่อนตัวบุตรชายผู้มีสิริมงคลของท่านได้สำเร็จ
ถึงแม้ว่าจะต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคมากสักปานใดก็ตาม แต่ปรากฏว่ามีบุคคลหนึ่งชื่อ
“ญะอ์ฟัร กัซซาบ” ซึ่งเป็นน้องชายของอิมาม ฮาซันเอง
พยายามฉกฉวยโอกาสด้วยการประกาศตนเองเป็นอิมาม
และฝ่ายปกครองก็ส่งเสริมเขาให้กระทำเช่นนั้นด้วยอีกแรงหนึ่ง
แต่ทว่าอัลลอฮ์ทรงลบบารมีของเขาเสียได้ เมื่ออิมาม อัล
มะฮ์ดีย์ปรากฏออกมาอย่างฉับพลัน ซึ่งขณะนั้นท่านยังเป็นเด็กอยู่
ท่านได้ทำนมาซให้บิดาของท่านในขณะที่ญะอ์ฟัร กัซซาบ
ได้ขึ้นไปยืนเป็นอิมามนำนมาซญะนาซะฮ์ให้อิมามอัสการีย์อยู่ก่อนแล้ว
แต่อิมามมะฮ์ดีย์ได้ผลักเขาออกไป และขึ้นไปยืนเป็นอิมามแทน
และในวาระนี้ที่ท่านเริ่มทำหน้าที่อิมามที่ 12 สืบต่อจากบิดาของท่าน
เมื่อประชาชนส่วนมากเห็นเช่นนั้น ก็มีความเลื่อมใสศรัทธาในตำแหน่งอิมามของท่าน
และแท้จริงท่าน คือ อิมามอัล มะฮ์ดีย์ (อ.) |